f
title
สำนักงานทางหลวงที่ 1
Office of Highways 1 (Chiangmai)
วิสัยทัศน์ : " ทางหลวง สะดวก ปลอดภัย และสวยงามทั่วล้านนา "
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางถนนและการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์
ลงวันที่ 31/05/2563

นายกฯ มอบคมนาคม เร่งขยายมอเตอร์เวย์ให้ถึงสนามบินอู่ตะเภาและเชื่อมต่อ EEC กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หวังเติมเต็มโครงข่ายโลจิสติกส์เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน ปักธงไทยฮับขนส่งอาเซียน

          พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางถนนและการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการเดินทางของประชาชนให้มีความปลอดภัย สะดวกรวดเร็ว มีระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ที่ทันสมัยพร้อมรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กระจายความเจริญและสร้างเศรษฐกิจชุนชนระดับฐานราก เป็นการสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งการเติมเต็มโครงข่ายการคมนาคมขนส่งของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน
          นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมจึงได้เร่งรัดกรมทางหลวงก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย และได้เปิดทดลองให้บริการโดยไม่เก็บค่าผ่านทางไปตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 และได้สั่งการให้ศึกษาออกแบบเพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายต่อไปถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา รวมทั้งการพัฒนาโครงข่ายมอเตอร์เวย์จาก EEC ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านจังหวัดปราจีนบุรี นครราชสีมา เพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งและโลจิสติกส์สู่ประเทศเพื่อนบ้าน เสริมศักยภาพการค้าชายแดน “ในอนาคตหากโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายเชื่อมโยงถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการเชื่อมมอเตอร์เวย์จากภาคตะวันออกกับภาคอีสาน จะเป็นการเติมเต็มระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่งของไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยทั้งในระดับภาพรวมและระดับฐานรากให้ก้าวไกล เติบโตมั่นคง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน”
          นายศักดิ์สยาม กล่าว “มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด นอกจากจะอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้ใช้ทางแล้วยังสร้างประโยชน์เพิ่มเติมต่อภาพรวมของประเทศอีก 4 ด้านคือ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายโลจิสติกส์ รองรับการขนส่งภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านการเชื่อมโยงการขนส่งทั้งทางถนน, ราง, น้ำ และอากาศ เพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุน ส่งเสริมเศรษฐกิจตลอดแนวเส้นทางโครงการและจังหวัดใกล้เคียง ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในระยะยาว ส่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ให้สามารถเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นการกระจายรายได้ไปยังชุมชน และสร้างความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะยาว เพิ่มความปลอดภัย ในการเดินทาง ด้วยรูปแบบของทางหลวงพิเศษขนาด 4-6 ช่องจราจรที่มีการควบคุมการเข้า-ออกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทางเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง15-20 นาทีจากทางแยกต่างระดับมาบประชันถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา จังหวัดระยอง และสามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยความปลอดภัยตลอดเส้นทางนอกจากนี้ กรมทางหลวง ยังมีแผนก่อสร้าง จุดพักรถ (Rest Stop) มาบประชัน และสถานที่บริการทางหลวง (Service Area) บางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อให้ผู้ใช้ทางสามารถจอดพักเพื่อผ่อนคลายจากการขับขี่ได้โดยมีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565 อีกด้วย” นายศักดิ์สยาม กล่าวในที่สุด
 
ขอขอบคุณที่มาข่าวและภาพข่าว : FACEBOOK กรมทางหลวง

'